ซิโมนา-มิเรลา มิคูเลสคู ประธานการประชุมสมัยสามัญขององค์การยูเนสโก ครั้งที่ 42 กล่าวผ่านวิดีโอว่า ถ้อยคำของจูซีใน “คัมภีร์จตุรปกรณ์” ที่ว่า “การรักษาสมดุลอย่างสมบูรณ์แบบนั้นไม่มีรูปแบบตายตัว ขึ้นอยู่กับสถานการณ์ในขณะนั้น” เป็นเครื่องเตือนใจว่า ความกลมเกลียวในสังคมไม่อาจคงอยู่โดยปราศจากการสื่อสารและการทบทวนอย่างต่อเนื่อง โดยเฉพาะในยุคปัจจุบันที่โลกเปลี่ยนแปลงรวดเร็ว ภูมิปัญญาแห่งความสมดุลของจูซียิ่งมีความหมายลึกซึ้ง
หลิน ซ่างหลี่ อธิการบดีมหาวิทยาลัยเหรินหมินแห่งประเทศจีน กล่าวเสริมว่า แนวคิดทางการเมืองของจูซีไม่เพียงสะท้อนการออกแบบเชิงสถาบัน แต่ยังวางรากฐานธรรมาภิบาลที่ยึดมั่นในศีลธรรมและจริยธรรมสังคม โดยในบริบทของจีนร่วมสมัย การพัฒนาธรรมาภิบาลให้ทันยุคสมัยยังคงสัมพันธ์อย่างใกล้ชิดกับความรับผิดชอบต่อสังคมและหลักการสากล ซึ่งจูซีถือเป็นแรงบันดาลใจสำคัญในกระบวนการนี้
ช่วงค่ำวันเดียวกัน การแสดงทางวัฒนธรรม “Moon over Wuyi” จัดขึ้นอย่างยิ่งใหญ่ ถ่ายทอดแนวคิดทางปรัชญาผ่านศิลปะการแสดงอันงดงาม สร้างความประทับใจแก่ผู้เข้าร่วมทั้งชาวจีนและต่างชาติ วิลเลียม เอ็น. บราวน์ นักวิชาการชาวอเมริกัน กล่าวชื่นชมว่าการแสดงดังกล่าว “เหนือจินตนาการ” และสะท้อนความสำเร็จของหนานผิงในการอนุรักษ์และสร้างสรรค์วัฒนธรรมท้องถิ่น
นักวิชาการผู้เข้าร่วมต่างยกย่องความพยายามของหนานผิงในการสืบทอดวัฒนธรรมจูซี ศาสตราจารย์คิม ซี จอง จากมหาวิทยาลัยแห่งชาติชุงนัม ประเทศเกาหลีใต้ ระบุว่าการบูรณะ “Hanquan Jing She” อดีตสถานที่พำนักและสอนของจูซีให้กลายเป็นพื้นที่วัฒนธรรมสาธารณะ เป็น “ตัวอย่างอันโดดเด่นของการฟื้นฟูมรดกทางวัฒนธรรม” ขณะที่บาลี ราม ดีพัก จากอินเดีย เปิดเผยแผนการแปลผลงานของจูซีเป็นภาษาท้องถิ่น เพื่อให้ประชาชนในประเทศของเขาได้เข้าถึงและเข้าใจปรัชญาจูซีมากขึ้น
ผู้เชี่ยวชาญร่วมเห็นตรงกันว่า ความสำเร็จของหนานผิงในการอนุรักษ์และต่อยอดวัฒนธรรมจูซี เป็นแบบอย่างที่สะท้อนการบูรณาการภูมิปัญญาท้องถิ่นสู่การเสวนาระดับโลก วัฒนธรรมจูซีจึงมิได้เป็นเพียงสมบัติของจีนเท่านั้น แต่ยังเป็นสะพานแห่งการเรียนรู้และความเข้าใจร่วมกันระหว่างอารยธรรมทั่วโลกอีกด้วย