สำนักวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเทศบาลเมืองจินเฉิงเผยว่า กิจกรรมดังกล่าวครอบคลุมตั้งแต่ “การท่องเที่ยวสีแดง” (Red Tourism) ที่ย้อนรอยประวัติศาสตร์พรรคคอมมิวนิสต์จีนอย่างลึกซึ้ง กิจกรรมสนุกสนานสำหรับครอบครัว การสืบสานมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรม ไปจนถึงนิทรรศการในพิพิธภัณฑ์ที่นำเสนอผ่านเทคโนโลยีดิจิทัล กิจกรรมเหล่านี้ไม่เพียงกระตุ้นตลาดท่องเที่ยวในช่วงเทศกาล แต่ยังสะท้อนความมุ่งมั่นของเมืองจินเฉิงในการพัฒนาอุตสาหกรรมการท่องเที่ยวเชิงสุขภาพผ่านการผสานวัฒนธรรมกับการท่องเที่ยว โดยวัฒนธรรมกำหนดทิศทางประสบการณ์การท่องเที่ยว ขณะที่การท่องเที่ยวช่วยเติมชีวิตชีวาให้กับวัฒนธรรม
ตัวแทนจากสำนักวัฒนธรรมฯ ระบุว่า ในช่วงไม่กี่ปีมานี้ จินเฉิงได้ใช้ประโยชน์จากมรดกทางประวัติศาสตร์อันทรงคุณค่าและทรัพยากรหมู่บ้านโบราณที่มีเอกลักษณ์เฉพาะตัว พัฒนาชุมชนชนบทจนกลายเป็นแหล่งท่องเที่ยวสุดงดงาม ปัจจุบันมีหมู่บ้าน 18 แห่งทั่วเมืองที่ได้รับการยกระดับเป็นแหล่งท่องเที่ยวระดับ A และกลายเป็นจุดหมายปลายทางที่ผสมผสานเสน่ห์วัฒนธรรม ความมีชีวิตของชุมชนท้องถิ่น และแนวคิดการดูแลสุขภาพอย่างลงตัว
ตัวอย่างเช่น “หมู่บ้านหวงเฉิงทั้งห้า” ในอำเภอเป่ยหลิว ที่รวมทรัพยากรสำคัญอย่างวังขุนนางและเมืองโบราณกั่วอวี่ พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวหลากมิติ ทั้งแหล่งท่องเที่ยวระดับ 5A และ 4A โรงแรมระดับหรู โรงแรมบูติก และศูนย์ส่งเสริมสุขภาพองค์รวมไท่เยว่ สร้างงานให้ชาวบ้านกว่า 3,000 คน นับเป็นต้นแบบการพัฒนาแบบบูรณาการที่เชื่อมโยงการอนุรักษ์วัฒนธรรม การฟื้นฟูอุตสาหกรรม และการเพิ่มรายได้ของประชาชนได้อย่างเป็นรูปธรรม
อีกตัวอย่างคือหมู่บ้านอวี่ฉือในอำเภอฉินสุ่ย ที่ผสานชื่อเสียงด้านวรรณกรรมของนักเขียนชื่อดัง จ้าว ซูหลี่ (Zhao Shuli) เข้ากับทรัพยากรธรรมชาติ พัฒนาเป็นแหล่งท่องเที่ยวเชิงสุขภาพที่เชื่อมประสบการณ์วัฒนธรรมกับแนวคิดการดูแลสุขภาพได้อย่างลงตัว
ส่วนหมู่บ้านเหลียงหู่ในอำเภอเกาผิง ที่มีสถาปัตยกรรมโบราณสมัยราชวงศ์หมิงและชิงอนุรักษ์ไว้อย่างดี พร้อมมรดกภูมิปัญญาทางวัฒนธรรมมากมาย ได้ส่งเสริมแนวคิด “หมู่บ้านโบราณ + สุขภาพ + การเรียนรู้เชิงประสบการณ์” อย่างเต็มรูปแบบ นอกจากนี้ หมู่บ้านซู่จวงที่ได้ชื่อว่า “เมืองแห่งงานแต่งงาน” ยังฟื้นฟูลานบ้านแบบโบราณ สร้างประสบการณ์ท่องเที่ยวผ่านประเพณีแต่งงาน จนกลายเป็นไฮไลต์สำคัญของโครงการ “ร้อยหมู่บ้าน ร้อยลานบ้าน”
การฟื้นฟูหมู่บ้านเหล่านี้ไม่เพียงคืนชีวิตให้กับมรดกทางวัฒนธรรมและประวัติศาสตร์ แต่ยังวางรากฐานการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมและสุขภาพรูปแบบใหม่ ด้วยแนวทางพัฒนาที่แตกต่างและเหมาะสมกับบริบทของแต่ละพื้นที่ ผสานการเรียนรู้วัฒนธรรมอย่างลึกซึ้ง การพักผ่อนท่ามกลางธรรมชาติ และแนวคิดการดูแลสุขภาพแบบองค์รวม นำเสนอ “โมเดลจินเฉิง” อันเป็นต้นแบบที่สร้างแรงบันดาลใจในการฟื้นฟูหมู่บ้านดั้งเดิมอย่างยั่งยืน