ไทยโพสต์

11 ดีไซเนอร์ไทยร่วมเฉิดฉายในงาน Xiamen International Fashion Week

เมืองเซียะเหมินกำลังคึกคักไปด้วยบรรยากาศแห่งแฟชั่นและศิลปะ เมื่อสัปดาห์แฟชั่นนานาชาติเซี่ยเหมิน ประจำปี 2568 ได้เริ่มต้นขึ้นเมื่อวันที่ 16 ตุลาคมที่ผ่านมา และจะดำเนินต่อไปจนถึงวันที่ 19 ตุลาคม ณ ถนนจงซาน และ เกาะกู่ล่างอวี่ ซึ่งเป็นสถานที่สำคัญทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวของเมืองเซี่ยเหมิน

ภายใต้คอนเซ็ปต์ “Trendy up” งานในครั้งนี้มุ่งเน้นไปที่สองมิติสำคัญคือ “แฟชั่นกีฬา” และ “การบริโภคแฟชั่นใหม่” โดยจัดเต็มด้วย 14 กิจกรรมที่แบ่งออกเป็น 3 ส่วนหลัก ทั้งหมดนี้ถูกออกแบบมาเพื่อสร้างสรรค์สัปดาห์แฟชั่นที่มีความ “สวยสะดุดตา ให้ประสบการณ์ตรง เน้นผู้บริโภค และเชื่อมโยงอย่างครอบคลุม” รวมทั้งผลักดันให้เกิดการผสานอย่างลงตัวระหว่างวัฒนธรรม การท่องเที่ยว และภาคธุรกิจการค้า

จุดเด่นสำคัญของงานอยู่ที่แฟชั่นโชว์ “Trendy up – Fashion Show” ที่เปลี่ยนถนนจงซานให้เป็นรันเวย์กลางแจ้งอันตระการตา พร้อมนำเสนอ 12 โชว์สุดพิเศษจากแบรนด์ชั้นนำทั้งในและต่างประเทศ ที่พร้อมเปิดตัวคอลเลกชันล่าสุด เพื่อสะท้อนให้เห็นถึงพลังและความมีชีวิตชีวาของอุตสาหกรรมแฟชั่นร่วมสมัย

นอกจากนี้ยังมีการเปิดตัว IP ใหม่ประจำเมืองอย่าง “Good Living Festival” ซึ่งรวบรวมแบรนด์ต่างๆ กว่าร้อยแบรนด์มาไว้ในที่เดียว ผสมผสานระหว่างนิทรรศการศิลปะ ตลาดสินค้าไลฟ์สไตล์ การแสดงสดสุดพิเศษ และเวิร์กช็อปที่ผู้เข้าร่วมงานสามารถสัมผัสและมีส่วนร่วมได้จริง

ก่อนปิดฉากงานอันยิ่งใหญ่นี้ จะมีพิธีประกาศรางวัล “2025 Forbes Fashionable 50” ในงาน Sports Fashion Awards Ceremony ในช่วงเย็นของวันที่ 19 ตุลาคม ณ สถาบันวิจิตรศิลป์บนเกาะกู่ล่างอวี่ ซึ่งงานนี้มีเป้าหมายเพื่อสร้างจุดยืนสำคัญในการส่งเสริมความร่วมมือระหว่างประเทศในแวดวงกีฬาและแฟชั่น พร้อมทั้งยกระดับเมืองเซียะเหมินให้เป็นศูนย์กลางแฟชั่นกีฬาของจีน

สำหรับผู้เข้าร่วมงานที่น่าจับตามองอีกกลุ่มหนึ่ง คือ นักออกแบบและแบรนด์ไทยดาวรุ่งจำนวน 11 ราย ที่จะเปิดป๊อปอัพและจัดแฟชั่นโชว์ตามแนวถนนจงซานของเซียะเหมิน การจัดแสดงและกิจกรรมแบบอินเทอร์แอคทีฟดังกล่าวจะเป็นการเปิดโอกาสให้แบรนด์เหล่านี้ได้สำรวจและทดลองตลาดจีน โครงการนี้ทำหน้าที่เสมือน “ด่านแรก” ที่เปิดทางให้ดีไซเนอร์ไทยก้าวเข้าสู่ตลาดจีน ขณะเดียวกันก็ช่วยเชื่อมโยงอุตสาหกรรมท้องถิ่นของเซียะเหมินเข้ากับแนวคิดการออกแบบระดับสากลที่ทันสมัย เพื่อสร้างพลังร่วมที่สมดุลระหว่าง “การนำเข้ามา” และ “การขยายออกสู่สากล”