สำนักงานวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเทศบาลนครกุ้ยหยางเปิดเผยว่า ในช่วงหลายปีที่ผ่านมา เมืองกุ้ยหยางได้ใช้กลยุทธ์การพัฒนาแบบ “สองแกนหลัก” โดยเขตเมืองเก่าเน้นการสืบสานมรดกทางประวัติศาสตร์และวัฒนธรรม ขณะที่เขตเมืองใหม่มุ่งสร้างความทันสมัยและชีวิตชีวา เพื่อยกระดับประสบการณ์การท่องเที่ยวและเพิ่มมูลค่าแบรนด์เมือง

เขตหยุนเหยียน ฟื้นฟูเมืองเก่าสู่แหล่งท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรม
เขตหยุนเหยียนซึ่งเป็นศูนย์กลางและแกนหลักด้านการท่องเที่ยวเชิงวัฒนธรรมของกุ้ยหยาง กำหนดบทบาทให้เป็น “ศูนย์กลางเมือง จิตวิญญาณเมืองเก่า ศูนย์รวมวัฒนธรรม และถิ่นฐานทางจิตวิญญาณ” โดยเดินหน้าอนุรักษ์และสืบทอดมรดกทางประวัติศาสตร์อย่างมีพลวัต พร้อมออกแบบภูมิทัศน์ใหม่ให้เป็นเมืองที่น่าอยู่และเหมาะแก่การท่องเที่ยว
ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา เขตหยุนเหยียนได้เชื่อมโยงหน่วยพิทักษ์โบราณวัตถุ 68 แห่งภายในพื้นที่ และดำเนินการปรับปรุงพื้นที่ประวัติศาสตร์สำคัญ อาทิ ย่านเฉาฮุ่ย ถนนไท่ผิง, ย่านเหวินชางเก๋อ, และย่านซินหยิน 1950 โดยคงไว้ซึ่งวัฒนธรรมเดิมควบคู่กับการเติมกิจกรรมการค้าใหม่เพื่อเพิ่มชีวิตชีวา
โดยเฉพาะย่านเฉาฮุ่ย ถนนไท่ผิงที่ได้รับการยกระดับและดึงดูดแบรนด์ต่างๆ เข้ามาเปิดสาขาแรก ส่วนย่านซินหยิน 1950 ประสบความสำเร็จในการดึงดูดแบรนด์คุณภาพสูง พร้อมสร้างถนนสายอาหารเฉพาะทาง เช่น ถนนหลี่อวี่ และถนนหมินเซิง เพื่อนำเสนอแนวคิดการใช้วัฒนธรรมยกระดับการท่องเที่ยว
นอกจากนี้ ธุรกิจรูปแบบใหม่ในเศรษฐกิจตามท้องถนน เช่น รูปแบบ “กาแฟกลางวัน เบียร์กลางคืน” ที่กลางวันเสิร์ฟกาแฟพิเศษ กลางคืนขายคราฟต์เบียร์พิเศษ ยังช่วยเติมเต็มบรรยากาศที่อบอุ่นและชีวิตชีวา ไม่ว่าจะเป็นปรากฏการณ์ “จอภาพยนตร์เดียวจุดประกายความรุ่งเรืองให้ทั้งเมือง” ในโรงภาพยนตร์ครอสช่วงเทศกาลตรุษจีน หรือกระแสการแห่เช็คอินตามสถานที่ต่างๆ เช่น สวนสาธารณะเฉียนหลิงซาน ถนนไท่ผิง และถนนเหวินชางเก๋อ
สถิติในช่วงวันหยุดเทศกาลไหว้พระจันทร์และวันชาติประจำปี 2568 ชี้ให้เห็นว่า จำนวนนักท่องเที่ยวที่มาเยือนเขตนี้เพิ่มขึ้น 14.2% เมื่อเทียบกับปีก่อน สร้างรายได้จากการท่องเที่ยวรวม 1,356 ล้านหยวน ตอกย้ำสถานะของกุ้ยหยางในการเป็นแกนหลักขับเคลื่อนการพัฒนาวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวอย่างมีคุณภาพ
เขตกวนซานหู สร้างมหานครทันสมัยสุดอินเทรนด์
หากเขตหยุนเหยียนเป็น “นามบัตรทางประวัติศาสตร์” ของกุ้ยหยาง เขตกวนซานหูก็เป็น “หน้าต่างแห่งยุคสมัย” ที่ยึดมั่นเป้าหมายสร้าง “เมืองแห่งสี่วิสัยทัศน์” โดยมุ่งสร้างแบรนด์อย่างเป็นระบบและบุกเบิกเส้นทางใหม่ในการบูรณาการวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว

เพื่อเพิ่มเสน่ห์ดึงดูดใจ เขตกวนซานหูได้สร้าง “เมืองดนตรี” และ “เมืองแห่งการอ่าน” โดยตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นมา มีการจัดมหกรรมดนตรีขนาดใหญ่ไปแล้ว 26 งาน ดึงดูดแฟนเพลงกว่า 500,000 คน สร้างยอดการบริโภคโดยรอบกว่า 300 ล้านหยวน ขณะเดียวกัน ใช้แบรนด์ “อ่านและสัมผัสกวนซานหู” เป็นแกนหลักจัดกิจกรรมเกี่ยวกับการอ่านกว่า 200 รายการ ยกระดับรสนิยมทางวัฒนธรรมของเมืองอย่างมีประสิทธิภาพ
ในมิติการปลุกเร้าความมีชีวิตชีวา เขตกวนซานหูพัฒนาเป็น “เมืองแห่งมหกรรมกีฬา” และ “เมืองแห่งความบันเทิงสมัยใหม่” ด้วยแนวคิด “ท่องเที่ยวตามอีเวนต์กีฬา” สร้างแบรนด์กิจกรรมกีฬาทุกระดับตั้งแต่นานาชาติจนถึงระดับเขต ตั้งแต่กุ้ยหยางมาราธอนไปจนถึงการแข่งขันฟุตบอลโอเพ่น “ซานหูคัพ” มีการจัดงานกีฬาเกือบ 70 รายการตลอดทั้งปี มีผู้เข้าร่วมกว่า 800,000 คน
ขณะที่ศูนย์การค้าขนาดใหญ่อย่าง CCPARK และ Mixc ดึงดูดผู้บริโภคอย่างแข็งแกร่งด้วยโมเดลธุรกิจใหม่ ส่งผลให้มีลูกค้าหมุนเวียนและการบริโภคยามค่ำคืนเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่องในช่วงวันหยุดเทศกาล
เขตกวนซานหูโดดเด่นด้วยทรัพยากรทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวที่หาได้ยาก ไม่ว่าจะเป็นสวนสาธารณะกวนซานหูขนาดกว่า 5,500 หมู่ (ประมาณ 3.67 ตารางกิโลเมตร) ที่เปรียบเสมือนปอดสีเขียวเชิงนิเวศ อุทยานคาสต์ที่นำเสนอความมหัศจรรย์ทางธรณีวิทยา จุดชมวิวทะเลสาบไป๋ฮวาที่นำเสนอผลิตภัณฑ์เชิงนิเวศคุณภาพสูง พิพิธภัณฑ์ธรณีวิทยากุ้ยโจวที่จัดแสดงประวัติศาสตร์วิวัฒนาการทางธรณีวิทยา และสิ่งอำนวยความสะดวกทันสมัย เช่น ศูนย์กีฬาโอลิมปิกและย่านการเงิน ที่ทำให้เขตนี้มีฟังก์ชันบริการทางวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวครบวงจร
รูปแบบ “สองแกน หลายคลัสเตอร์” ขับเคลื่อนการพัฒนาทั่วทั้งเมือง
นอกเหนือจาก “สองแกนหลัก” ที่นำโดยเขตหยุนเหยียนและเขตกวนซานหู กุ้ยหยางยังได้รับการสนับสนุนจากรูปแบบการพัฒนาอย่าง “สองแกน หลายคลัสเตอร์” โดยอาศัยการจัดวางผังเขตกันชนเชิงนิเวศอย่างมีหลักการ ทำให้แต่ละเขตพัฒนาได้อย่างแตกต่างและเป็นเอกลักษณ์
ยกตัวอย่างเช่น การพักผ่อนหย่อนใจในเมืองของเขตหนานหมิง สุขภาพและสุขภาวะทางนิเวศในเขตหัวซี รีสอร์ตน้ำพุร้อนในเขตอู่ตัง และประสบการณ์เมืองริมทะเลสาบในเมืองชิงเจิ้น ต่างสามารถใช้ประโยชน์จากทรัพยากรเฉพาะตัวได้อย่างเต็มที่ เพราะมีการกำหนดบทบาทที่ชัดเจน ไม่แข่งขันกันซ้ำซ้อน และเสริมฟังก์ชันซึ่งกันและกัน
ไม่ว่าจะเป็นการบูรณาการทรัพยากร การเชื่อมโยงเส้นทาง การแลกเปลี่ยนฐานลูกค้า หรือการสร้างแบรนด์ แต่ละเขตได้ร่วมกันทลายขีดจำกัดด้านการบริหาร และทำงานร่วมกันอย่างเป็นเอกภาพทั้งด้านการวางแผนวัฒนธรรมและการท่องเที่ยว โครงสร้างพื้นฐาน การตลาดและการส่งเสริมการขาย ทำให้แบรนด์ “Cool Guiyang” มีมิติกว้างขวางและน่าดึงดูดมากขึ้น ก่อให้เกิดพลังประสานที่แข็งแกร่งเพื่อพัฒนาอุตสาหกรรมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวทั้งเมืองอย่างยั่งยืน
สำนักงานวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเทศบาลนครกุ้ยหยางเปิดเผยว่า ในอนาคตนั้น กุ้ยหยางจะยังคงเดินหน้าปลูกฝังแบรนด์ “Cool Guiyang” อย่างต่อเนื่อง พร้อมเร่งขยายผลรูปแบบการพัฒนา “สองแกน หลายคลัสเตอร์” ให้มีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น รวมถึงเพิ่มความลึกซึ้งในการบูรณาการภาคส่วนต่างๆ เช่น วัฒนธรรม การท่องเที่ยว นิเวศวิทยา และกีฬา
เพื่อปั้นกุ้ยหยางเป็นเมืองที่ไม่เพียงมีประวัติศาสตร์ยาวนานและธรรมชาติเขียวสมบูรณ์ แต่ยังเป็นเมืองที่เปี่ยมด้วยพลังขับเคลื่อนและความทันสมัย ตอบสนองความต้องการของทั้งพลเมืองและนักท่องเที่ยวในการมีชีวิตที่ดีขึ้น และทำให้อุตสาหกรรมวัฒนธรรมและการท่องเที่ยวเป็นพลังขับเคลื่อนหลักเพื่อพัฒนาเมืองอย่างมีคุณภาพต่อไป